รีวิวหนัง : Ambulance ปล้นระห่ำ ฉุกเฉินระทึก

ผู้กำกับภาพยนตร์: Michael Bay (Bad Boys ภาค 1-2, Transformers ภาค 1-5, 6 Underground)

AMBULANCE ปล้นระห่ำ ฉุกเฉินระทึก เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นดราม่าที่ดัดแปลงเนื้อเรื่องมาจากภาพยนตร์ของเดนมาร์กชื่อ Ambulancen (2005) เล่าเรื่องของทหารผ่านศึกอย่าง ‘วิล ชาร์พ’ ที่ต้องการหาเงินไปรักษาภรรยาของเขาโดยด่วน แต่คนที่เขาเลือกไปขอความช่วยเหลือกลับเป็นพี่ชายและอาชญากรมือฉมังอย่าง ‘แดนนี’ ที่ได้ยื่นข้อเสนอใหญ่ให้วิลด้วยการร่วมปล้นธนาคารที่ลอสแองเจิลลิส และหากทำสำเร็จจะได้เงินรวมกว่า 32 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อการปล้นครั้งนี้ไม่เป็นไปตามแผน โจรทั้งสองจึงต้องจี้รถพยาบาลเพื่อหนีออกมา โดยมีพยาบาลสาวและตำรวจที่บาดเจ็บอยู่ในรถคันนั้น ภารกิจสุดท้ายที่วิลต้องทำคือขับรถเพื่อเอาตัวรอดจากเหล่าตำรวจ รักษาชีวิตของตนเอง และพยายามที่จะไม่มีปัญหากับแดนนีเพิ่มด้วย! รีวิวหนังผี หนังสยองขวัญ

การเล่าเรื่องสำหรับเรื่องนี้เอาตรงๆ รู้สึกเซอร์ไพรส์มากเหมือนกัน ไม่ได้เหมือนกับที่คาดหวังไว้เท่าไหร่ เพราะตอนแรกคาดไว้ว่าพอเป็นหนัง ‘ไมเคิล เบย์’ แล้วเราจะสามารถถอดสมองชมได้เลย ไม่มีอะไรให้ต้องคิดมาก แต่เรื่องนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้น เนื้อหาหนักกว่าที่คิด นอกจากการพยายามยัดฉากแอ็คชั่น เน้นความบีบคั้นระทึกขวัญ ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่คอยแทรกกลางอยู่ตลอดเวลาคือความดราม่าที่มีพอสมควร กลายเป็นหนังของป๋าเบย์ที่อยู่ในโหมดพยายามมีสาระ สอนใจคนให้นึกถึงความดีความชั่ว นึกถึงคนอื่นและหน้าครอบครัวก่อนจะทำเรื่องเลวร้าย ซึ่งก็แอบฝืนกับสไตล์แกที่เคยมีมาอยู่นิด แต่ก็ยังดีที่สิ่งเหล่านี้ถูกผสมมาระหว่างฉากแอ็คชั่นได้เกือบกลมกล่อม ตัวหนังจึงพอมีอรรถรสที่ครบถ้วนตามสไตล์หนังป๋าเบย์อย่างที่ควรจะเป็น ดูสนุกโดยพื้นฐาน แม้ฉากดราม่าจะถูกสับหว่างมาให้คอหนังแอ็คชั่นรู้สึกว่ามันขัดอารมณ์หนังบางช่วงบ้าง แต่ก็ไม่แย่นักหรอก

สิ่งหนึ่งที่ผมชอบในตัวหนังคือบทภาพยนตร์ที่นำเสนอความมีมิติของตัวละครได้อย่างดีครับ เราจะเห็นการแบ่งแยกลำดับขั้นได้ค่อนข้างชัดเจนเลย ตั้งแต่คนที่เป็นอาชญากรตัวเอ้และดูเลวไปเลยอย่างพ่อของแดนนีกับวิล พวกลูกน้องที่แดนนีเลือกมา แล้วก็ตัดมาที่คนระดับกลางๆ อย่างแดนนีที่แม้จะเป็นอาชญากร แต่ก็ยังพอมีความเห็นใจ ไม่ได้คิดฆ่าใครแต่แรกยกเว้นสถานการณ์บีบคั้น ไปจนถึงตัววิลที่จะเป็นคนดีเลย จนกว่าสถานการณ์บีบคั้นแบบไม่มีทางเลือกแล้วเขาก็ไม่คิดจะทำร้ายใครทั้งนั้น และเมื่อตัวหนังนำเรื่องราวของตัวละครเหล่านี้มารวมตัวกันก็ยังทำให้สถานการณ์ในเรื่องหลายอย่างชวนลุ้น เพราะความเป็นไปได้ว่าใครจะอยู่หรือจะไปนั้นเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดตามแต่สถานการณ์ แม้แต่ความเข้าใจผิดก็อาจทำให้สักคนตายโง่ๆ ได้เลย รวมๆ เราจึงได้เห็นหนังที่มีทั้งความสมจริงและบ้าบอไปพร้อมกัน ก็ดูสติแตกและสนุกไปอีกแบบ

ส่วนฉากแอ็คชั่นสำหรับเรื่องนี้ผมนิยามให้แค่ว่าเป็นหนังฟาสต์ยิ่งกว่าหนังฟาสต์ในยุคนี้อีกครั้ง เจ็ดในสิบของเรื่องนั้นคือการที่ตัวละครหลักของเราจะอยู่บนรถแล้วคอยใช้ฝีมือขับรถขั้นเทพหลีกหนีทุกสิ่งกีดขวางที่อยู่ข้างหน้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้คน รถยนต์ บ้านเรือน ไปจนถึงกระสุนปืน และระเบิดหลากรูปแบบ เหมือนกำลังเล่นเกม GTA ในภารกิจขับรถหนีตำรวจระดับห้าดาวอยู่ก็ไม่ผิดนัก

การแสดงสำหรับเรื่องนี้คือดีมากครับ ซึ่งก็เป็นส่วนงานที่เซอร์ไพรส์ผมอีกพอสมควร ถึงแม้ตัวบทภาพยนตร์สำหรับผมจะอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างดีและไม่ดี บางครั้งก็พยายามเล่นมุกตลกขัดกับเนื้อหาเรื่องไปหน่อย แต่ตัวบทพูดเองกลับลื่นไหลและดูเป็นธรรมชาติ สถานการ์ต่างๆ ที่วางมารวมไปถึงการกำกับของผู้กำกับก็ช่วยให้นักแสดงแต่ละคนเข้าใจความบีบคั้น และกดดันของสถานการณ์แต่ละรูปแบบมากขึ้น ทำให้เราได้เห็นการแสดงแบบทุ่มสุดตัวของสามนักแสดงนำหลักของเรื่องตลอดเวลา ซึ่งก็ต้องชื่นชมฝีมือของเฮียเบย์ในการกำกับการแสดงเลย อย่างน้อยสำหรับเรื่องนี้ก็ต้องซูฮกแกเลย

โปรดัคชั่นโดยภาพรวมสำหรับเรื่องนี้ก็เป็นหนังแอ็คชั่นสไตล์ ‘ไมเคิล เบย์’ เขาอีกนั่นแหละครับ อลังการ บ้าพลัง ทุ่มเทกับงานสร้าง มีเท่าไหร่ใส่เต็ม ทุ่มทั้งหมดให้กับการสร้างฉากแอ็คชั่นระเบิดระเบ้อเพื่อให้คนดู (และตัวผู้กำกับเอง) สะใจเต็มที่มากที่สุด อย่าได้ดูถูกว่าพอเป็นแค่หนังที่คนร้ายสองคนใช้รถกู้ภัยหนีตำรวจแล้วเนื้อเรื่องจะเป็นสเกลเล็กนะครับ หนังพาเราไปได้เรื่อยเลย พังได้ทุกอย่างที่ขวางหน้า รถทุกคัน ตึกทุกตึก พังแหลกระเบิดเป็นชิ้นได้หมด สมกับที่เราได้เห็นว่าตัวอย่างหนังเกือบสามนาทีนี่เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นนั่นแหละครับ แถมในตัวหนังเองยังมีมากกว่านั้นอีกหลายขุมเลย แล้วยิ่งพอผสมผสานเข้ากับมุมกล้องภาคพื้นดินสุดแหวกแนว เคลื่อนที่เร็ว เหวี่ยงกล้องไปมา ใช้โดรนความเร็วสูงถ่ายภาพมุมแปลก และหมุนควงตามฉากไล่ล่าอยู่ตลอด ก็ยิ่งทำให้หนังมีความจี๊ดจัดหนักขึ้นไปอีกหลายเท่า เชื่อว่าภาพสไตล์นี้ถ้าใครเป็นคนเล่นเกมบุคคลที่หนึ่ง (FPS) หรือชอบหนังที่มีภาพมุมกล้องสุดเวียนหัวก็น่าจะโอเคกับมัน แต่ถ้าไม่ชอบก็อาจจะเกลียดหรืออาเจียนกลางโรงหนังกันไปข้าง (ฮ่าๆ)

Comments