เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ถูกสร้างมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว สำหรับ Robin Hood พยัคฆ์ร้ายโรบินฮู้ด ผลงานการกำกับของ ออตโต บาตเฮิร์ส (Otto Bathurst) ผู้กำกับหนังรุ่นใหม่ที่ฝากผลงานจากสองซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Black Mirror (2011) และ Peaky Blinders (2013) และนี่ก็ถือเป็นการกำกับหนังใหญ่ครั้งแรกที่ดูเหมือนจะไม่ได้สร้างปรากฏการณ์อย่างที่หลายคนคาดหวังไว้เท่าที่ควร
เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ถูกสร้างมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว สำหรับ Robin Hood พยัคฆ์ร้ายโรบินฮู้ด ผลงานการกำกับของ ออตโต บาตเฮิร์ส (Otto Bathurst) ผู้กำกับหนังรุ่นใหม่ที่ฝากผลงานจากสองซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Black Mirror (2011) และ Peaky Blinders (2013) และนี่ก็ถือเป็นการกำกับหนังใหญ่ครั้งแรกที่ดูเหมือนจะไม่ได้สร้างปรากฏการณ์อย่างที่หลายคนคาดหวังไว้เท่าที่ควร รีวิวหนังเอเชียเก่าและใหม่
Robin Hood พยัคฆ์ร้ายโรบินฮู้ด ว่าด้วยเรื่องราวในยุคเริ่มต้นของตำนาน โรบิน ฮู้ด หลังจากที่เขาไปร่วมรบในสงครามครูเสด เมื่อกลับมาจึงพบว่าเมืองของเขาถูกคนชั่วยึดครอง โรบิน ฮู้ด จึงรวบรวมตั้งกองกำลังใหม่เพื่อลุกขึ้นต่อสู้ โดยหนังได้หนุ่มหล่อมากความสามารถ ทารอน เอเจอร์ตัน (Taron Egerton) นักแสดงหนุ่มสายเลือดอังกฤษจากหนัง Kingsman: The Secret Service (2014) มาแสดงนำ แถมยังได้ เจมี ฟ็อกซ์ (Jamie Foxx) มาร่วมระเบิดความมันในครั้งนี้อีกด้วย
อย่างที่หลายๆ คนทราบดีว่า Robin Hood ในเวอร์ชั่นนี้นั้นไม่ค่อยจะมีกระแสที่ดีนักจากเมืองนอกที่ได้ชมก่อนบ้านเรา แต่ดีหรือไม่ดี สนุกหรือไม่สนุกคอหนังก็ต้องไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง โดยส่วนตัวมีความคิดเห็นว่าด้วยตัวเนื้อเรื่องของหนังนั้นแน่นอนว่ามันมีความซ้ำซากและค่อนข้างเชย หนึ่งล่ะเพราะถูกสร้างมาหลายต่อหลายเวอร์ชั่น เราแทบจะหาความแปลกใหม่ของจอมโจรคนนี้ไม่ได้เลย อย่างไรเสียก็เชื่อว่าต้องมีคนจำนวนไม่น้อยไปร่วมพิสูจน์ความบันเทิงในครั้งนี้อีกแน่ๆ โดยเฉพาะคอหนังแอ็คชั่น
หากถามว่าสนุกไหม? ตอบได้อย่างเต็มปากว่าสนุกและได้รับความเพลิดเพลินบันเทิงใจได้ดีมาก เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าเป็นเรื่องราวของจอมโจรผู้เป็นตำนาน โดยหนังได้เล่าที่มาที่ไปของ ลอร์ดโรบินแห่งล็อกซ์ลีย์ ก่อนจะกลายมาเป็นจอมโจรผู้ปล้นคนรวยช่วยเหลือคนยากจน เรื่องราวก็ไม่ได้มีความเซอร์ไพรส์อะไรมากมาย หากเคยได้ยินเรื่องราวของ Robin Hood มาก่อนก็เป็นไปตามนั้น ซึ่งก็บอกกันตามตรงว่าแอบเบื่อนิดๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยเสน่ห์อันเหลือล้นของพ่อหนุ่ม ทารอน เอเจอร์ตัน (Taron Egerton) ก็พอจะทำให้สาวๆ สนใจมากขึ้นอีกหน่อย (หรือเปล่า?)
แต่สิ่งที่ดูเหมือนหนังจะถ่ายทอดออกมาได้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นงานแอ็คชั่น (ก็แหงละนี่มันหนังแอ็คชั่น!) การออกลีลาบู๊ยิงธนูของตัวละครในเรื่องก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พระเอกจอมโจรโรบินฮู้ดของเราออกปล้นพร้อมธนูุคู่ใจ และเสิร์ฟความฟินให้คอหนังด้วยฉากสโลว์โมชั่นในท่วงท่าที่สวยงามและดุดันให้เห็นกันแบบจะๆ เรียกได้ว่าเห็นแล้วแทบอยากจะลุกขึ้นปรบมือให้เสียเหลือเกิน ซึ่งหากมองข้ามความเรื่องความจำเจของตัวบทและหันไปโฟกัสความมันจากการบู๊แอคชั่นต่างๆ ก็ถือว่าหนังสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว
Comments
Post a Comment