เชื่อว่าแฟนหนังหลายคนคงตั้งตารอคอยหนังแอ็คชั่นไซไฟ Pacific Rim: Uprising ปฏิวัติพลิกโลก อย่างแน่นอน โดยเฉพาะแฟนๆ ที่เคยชมภาคแรก Pacific Rim (2013) มาแล้วนั้นย่อมต้องมีความคาดหวังไว้พอสมควรว่าในภาคนี้จะมีอะไรแปลกใหม่มาเซอร์ไพรส์ผู้ชมบ้าง
Pacific Rim: Uprising ปฏิวัติพลิกโลก ว่าด้วยเรื่องราวของ เจก เพนเทคอสต์ กลับมาร่วมมือกับ มาโกะ โมริ เพื่อเป็นผู้นำให้กับพลขับหุ่นเยเกอร์รุ่นใหม่ รวมไปถึงคู่แข่งคนสำคัญอย่าง แลมเบิร์ต และ อะมารา แฮกเกอร์วัย 15 ปี ที่จะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดไคจูไซส์ยักษ์ตัวใหม่ รีวิวซีรี่ย์เกาหลี
จากที่เห็นในตัวอย่างที่ปล่อยมาหลายต่อหลายตัว เราก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าในภาคนี้ Pacific Rim ไม่ได้สร้างจากค่ายเดิม แถมยังเปลี่ยนผู้กำกับจาก Guillermo del Toro เป็น Steven S. DeKnight แน่นอนว่าย่อมทำแฟนๆ ส่วนใหญ่ผิดหวัง เนื่องจากสไตล์การกำกับและเสน่ห์ของหนังคงไม่มีวันเหมือนเดิม
บอกตรงๆ เลยว่านักแสดงไม่ดึงดูดใจเลย ส่วนตัวมองว่าหาจะหาดาราแม่เหล็กมาแสดงด้วยน่าจะดี ก็ใช่ว่า John Boyega ไม่ดีแต่อย่างใด เพียงแต่อยากให้มีคนที่น่าสนใจกว่านี้ อย่างภาคก่อนก็ยังมีคนหล่อๆ ให้ได้ชื่นใจบ้าง (แม้ว่าจะพลขับฝึกหัดจะหล่อก็เถอะ) แต่พูดไปก็เท่านั้นเพราะภาคนี้ได้เปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งผู้กำกับ นักแสดง รวมถึงบรรดาหุ่นเยเกอร์ต่างๆ ยังดีที่วิชวลเอฟเฟกต์ต่างๆ ยังคงคุณภาพไว้เต็มเปี่ยม
ในส่วนของหุ่นเยเกอร์นั้นก็มีความทันสมัยดี เหมาะกับวิวัฒนาการในปัจจุบัน แต่ไม่ค่อยมีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำเท่าที่ควร แถมเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างหุ่นเยเกอร์กับไคจูยักษ์ก็ไม่สะใจ ไม่มันส์ ไม่ดุเดือดเท่าที่คาดไว้ พล็อตเรื่องก็ไม่ได้สร้างความเซอร์ไพรส์อะไรเลย ส่วนมุกตลกก็มีให้พอได้หัวเราะในคอบ้าง (หึหึ) หากขยี้ดรามาให้มากกว่าน่าจะดีขึ้น (อันนี้ชอบความดรามาเป็นการส่วนตัว)
อย่างที่บอกว่า Pacific Rim ภาคนี้นั้นเอาใจนายทุนใหญ่อย่างจีนมาก ทั้งเนื้อเรื่องที่ไปโผล่ที่จีนเกือบทั้งเรื่อง นักแสดงนำตัวเด่นๆ ก็มีแต่คนจีน สะท้อนให้เห็นมหาอำนาจของโลกที่กำลังเปลี่ยนฝั่งจากตะวันตกไปสู่ตะวันออกเช่นเดียวกับปัจจุบัน แม้กระทั่งตอนไคล์แม็กซ์ที่จีนก็ยังเป็นส่วนสำคัญ เรียกว่าถ้าไม่มีจีนปฏิบัติการปกป้องโลกครั้งนี้คงไม่มีทางสำเร็จแน่ๆ
Comments
Post a Comment