หลังจากไปออกลีลาบู๊ตามล่าหาคนจับลูกสาวและเมียในภาคต่อของ Taken มาทั้งสามภาค และช่วยคนบนรถไฟจาก The Commuter (2018) ล่าสุดรุ่นใหญ่ขาโหดอย่าง เลียม นีสัน (Liam Neeson) ก็ต้องออกปฏิบัติการล้างแค้นแทนลูกชายใน Cold Pursuit แค้นลั่นนรก ซึ่งก่อนหน้าเจ้าตัวก็เคยลงมือฆ่าศัตรูแทนลูกชายมาแล้วใน Run All Night (2015)
โดยในเรื่องล่าสุดนี้มีความแตกต่างที่ว่าลูกชายของเขานั้นถูกฆ่าตายก่อนแล้ว ซึ่ง Cold Pursuit เป็นผลงานการกำกับของ ฮานส์ เพ็ตเตอร์ โมแลนด์ (Hans Petter Moland) ที่หยิบเอาผลงานเก่าอย่าง In Order of Disappearance (2014) ในเวอร์ชั่นของนอร์เวย์ เมื่อ 5 ปีที่แล้วมารีเมกใหม่ในชื่อดังกล่าว
Cold Pursuit แค้นลั่นนรก ว่าด้วยเรื่องราวของ เนลส์ ค็อกซ์แมน หัวหน้าครอบครัวที่สงบสุขและสันโดษ เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายเป็นพลเมืองดีเด่น แต่แล้วเมื่อลูกชายของเขาถูกฆาตกรรมโดยฝีมือเจ้าพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของเมือง ความแค้นปะทุทำให้ชายวัยใกล้เกษียณอย่างเขาต้องลุกขึ้นจับอาวุธเพื่อล้างแค้นให้เดือดสุด รีวิวหนังการ์ตูนแอนิเมชั่น
เรียกได้ว่าหลายคนอาจจะเบื่อที่เห็น เลียม นีสัน มารับบทตามล่าหาคนฆ่าลูก (อีกแล้ว) เพราะเจ้าตัวก็มีหนังแนวๆ นี้มาหลายเรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่องนั้นก็เต็มไปด้วยความบู๊แอคชั่น ต่อสู้กันแบบดุเดือดเลือดพล่าน แน่นอนว่าต้องมีเลือดตกอย่างออกตายกันเป็นเบืออยู่แล้ว แต่ก็อย่าเพิ่งเบื่อหน่ายส่ายหน้าหนี เพราะการกลับมาบู๊ในเรื่องนี้ลุงเลียมไม่ได้เจ็บตัวมากอย่างที่คิด
หลายคนที่ได้เห็นตัวอย่างแล้วอาจจะคิดว่าหนังนั้นต้องบู๊แอคชั่นกันเลือดสาดแน่ๆ แต่ไม่เลยเมื่อเข้าไปดูหนังจนจบแล้วจะพบว่าไม่ใช่อย่างที่คิดไว้เลย เพราะหนังจะออกแนวตลกร้าย มีกลิ่นไอคล้ายหนังของ เควนติน ทารันติโน ผู้กำกับคนดังมากทีเดียว อีกทั้งยังมีความดิบเถื่อนได้ใจคอหนังโหด โดยเฉพาะฉากการต่อสู้ที่แม้จะได้มีออกมาให้เห็นมาก แต่ว่าแต่ละฉากนั้นก็มีความเลือดสาด แช่กล้องกันให้เห็นจะๆ คนขวัญอ่อนดูแล้วน่าจะขนลุกสมกับเป็นเรท R จริงๆ
ต้องบอกกันไว้ก่อนว่าใน Cold Pursuit มีการเดินเรื่องที่ค่อนข้างอืดบ้างในช่วงแรก แต่พอเครื่องก็ดูเหมือนว่าผู้กำกับจะซาดิสต์ใส่ฉากโหดๆ มาหลายต่อหลายฉาก ยิ่งมีดนตรีประกอบหนังค่อนข้างเร้าอารมณ์ก็ยิ่งทำให้เรายิ่งตื่นเต้นว่าฉากต่อไป ลุงเลียม จะฆ่าใครต่อ แต่ถ้าเห็นลุงเป็นผู้กระทำอยู่ฝ่ายเดียวก็กระไรอยู่ หนังยังแบ่งพาร์ทให้ฝ่ายตัวร้ายได้แสดงความโหดออกมาในช่วงหลังๆ ซึ่งมีการล้างแค้นทับซ้อนกันไปอีก เรียกได้ว่ายิ่งดูยิ่งมันจริงๆ
นอกเหนือไปจากการฆ่าล้างแค้นที่แฝงด้วยความตลกร้ายอย่างมีสไตล์แล้ว ต้องขอชื่นชมในส่วนของโปรดักชั่นงานสร้างที่มีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง และเรื่องของโลเคชั่นสถานที่ต่างๆ ที่เห็นแล้วอยากไปสัมผัสด้วยตัวเองเลย รวมไปถึงนักแสดงคนอื่นๆ มีส่วนช่วยชูให้หนังมีเสน่ห์จนอยากตีตั๋วเข้าไปดูอีกรอบ อีกทั้งหนังยังสะท้อนเรื่องราวเกี่ยวกับชนเผ่าอินเดียนแดงผู้เป็นชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาที่ดูแล้วมีความดาร์ก โหดร้าย และเต็มไปด้วยความขมขื่นมากทีเดียว เชื่อว่าแฟนหนังไม่ผิดหวังแน่นอน
Comments
Post a Comment